Civil Engineering CMU

ค่าย จอมทอง

ค่ายสำรวจที่ "หมู่บ้านอีราง" ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

หลังจากเปิดคณะไปได้สัก 1 ปี (ตั้งแต่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2513) พวกเราอาจารย์วิศว มช.ส่วนหนึ่งอันประกอบด้วยอ.คำนึง, อ.ปราโมทย์, อ.สุพร และผู้เขียน เริ่มมองหาพื้นที่ที่จะสร้างเป็นค่ายสำรวจถาวร โดยตั้งข้อกำหนดไว้ว่า

  1. อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณไม่เกิน 60 ถึง 70 กิโลเมตร
  2. อยู่บนทางหลวงแผ่นดินสายหลัก แต่อาจมีทางแยกถ้าไปถึงที่ไม่เกิน 10 กิโลเมตร
  3. อยู่ใกล้หมู่บ้าน หรือแหล่งชุมชนขนาดไม่ใหญ่นัก
  4. มีพื้นที่ป่า(ที่ไม่ใช่ป่าสงวน, อุทยานแห่งชาติ) ขนาดอย่างต่ำประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสามารถอนุญาตให้นักศึกษาเข้าไปใช้ฝึกงานสำรวจเป็นการชั่วคราวได้
  5. มีพื้นที่ขนาด 15 ถึง 20ไร่ ซึ่งราคาไม่แพงนัก และมีเอกสารสิทธิ์พร้อม
  6. มีถนนเข้าถึงที่
  7. มีแหล่งน้ำซึ่งมีน้ำตลอดปี
  8. ถ้าไฟฟ้าเข้าถึงจะดีมาก

ข้อกำหนดดังกล่าวที่ตั้งไว้มากถึง 8 ข้อ ก็เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาต่างๆ ตามมา ในภายหลัง

ความพยายามของพวกเราประสบความสำเร็จตามข้อกำหนดเกือบทั้งหมด เมื่อปีพ.ศ.2513 เมื่ออ.คำนึงได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านชาวป่าไม้คนหนึ่งว่ามีที่น.ส3 แปลงหนึ่งขนาดพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ แต่มีเอกสารสิทธิ์เพียง 5 ไร่เท่านั้น แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เมื่อมาแจ้งให้อ.สุธรรมฯ เลขานุการคณะวิศวฯทราบ แล้วไปดูพื้นที่ด้วยกัน ลุงชื่น เจ้าของที่ขอขายในราคา 5,000 บาท ซึ่งเป็นที่ตกลงกันด้วยดีในเวลาต่อมา ปัจจุบันมีเอกสารสิทธิ์ทั้ง 17 ไร่ ถนนค.ส.ล.เข้าถึง มีลำเหมืองชลประทานราษฎร์อยู่ติดกับที่ และในปัจจุบันมีไฟฟ้าแรงสูงเข้าถึงที่มาได้เกือบ 10 ปีแล้ว

ตัวค่ายฝึกถาวรประกอบด้วย 1.เรือนพักนักศึกษาชาย(ประมาณ 80 คน อยู่ชั้นบน) และนักศึกษาหญิง(ประมาณ 20 คน อยู่ชั้นล่าง) 2.เรือนพักอาจารย์ 2 ชั้นสำหรับอาจารย์ประมาณ 10-12 คน (อยู่ชั้นบน) และห้องเก็บเครื่องมือ พร้อมห้องสำหรับครูปฏิบัติการ 2 คน(อยู่ชั้นล่าง) 3.ครัว และโต๊ะ เกาอี้ทานอาหาร สำหรับนักศึกษา 100 คน 4.โรงสูบน้ำถังสูง และห้องน้ำของทั้งเรือนพัก นักศึกษา และอาจารย์ 5.รั้วลวดหนามโดยรอบ

ค่ายฯนี้อยู่บนถนนแยกสู่ดอยอินทนนท์ และมีถนนย่อยเข้าหมู่บ้านอีราง และถนนแยกเข้าค่ายสำรวจฯด้วย ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากคณะวิศวฯเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆเท่านั้นเอง

การก่อสร้างเรือนพักนักศึกษา เสร็จสมบรูณ์ปีพ.ศ.2517 และ

การก่อสร้างเรือนพักอาจารย์ เสร็จสมบรูณ์ปี พ.ศ.2510

เริ่มเปิดใช้งานสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 GEAR 6 (รหัส 186...) เป็นปฐมฤกษ์

 

ลักษณะทางกายภาพ และทางภูมิศาสตร์

เมื่อแรกเริ่มซื้อแผ่นดินผืนนี้ เมื่อปีพ.ศ.2515นั้น ยังมีสภาพเป็นป่าโปร่งเสื่อมโทรมลาดสู่ลำน้ำแม่กลาง ซึ่งมีราษฎรในหมู่บ้านอีรางไปจับจองไว้ทำกิน แล้วได้เอกสารสิทธิ์ นส.3 ในเวลาต่อมา ดินไม่ดีเป็นกรวดผสมทรายไม่สามารถทำไร่ทำนาได้ แต่สำหรับที่ดินแปลงที่อยู่ถัดไปข้างในหลังจากเจ้าของได้ถางป่าปรับสภาพพื้นที่ และปรับปรุงดินแล้ว ได้พัฒนามาเป็นไร่มะม่วงที่ใหญ่แห่งหนึ่ง(พื้นที่คงมากกว่า 50 ไร่ จากการประมาณการด้วยสายตา)

สำหรับพื้นที่ค่ายของเรา อาจารย์เจ้าของวิชาสำรวจได้เคยนำนักศึกษารุ่นแรก(GEAR1 รหัส136...)จำนวน 10 กว่าคนมาช่วยแผ้วถางให้เตียน และสะอาดตาขึ้น ก่อนที่จะได้ไปเข้าค่ายสำรวจชั่วคราว ที่ค่ายตชด.อำเภอแม่แตงครั้งแรกเมื่อปิดเทอมปลาย ขณะที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่ 3

ครั้นถึงคราวพานักศึกษาชั้นปีที่ 3 GEAR 6 (รหัส186...) มาเริ่มเข้าค่ายนี้เมื่อ        ช่วงปิดเทอมต้น(ก.ย. ถึง ต.ค.) ทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นธรรมชาติคงสภาพเดิม ดังเช่น            ปีพ.ศ.2515

นักศึกษาเดินทางเข้ามาโดยรถบัสของมหาวิทยาลัยและคณะฯ และไปจอดส่งให้นักศึกษาและสัมภาระลงที่ถนนฯตรงฝายเหมืองหลวง แล้วจึงเดินตัดหมู่บ้านข้าม      ลำเหมือง(ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน)ไปสู่ค่ายสำรวจต่อไป ทั้งนี้เพราะยังไม่มีถนนเลียบ     ลำเหมือง

ส่วนรถขนาดเล็กที่ใช้บรรทุกเครื่องมือสำรวจ อุปกรณ์การครัว ตลอดจนรถส่วนตัวของอาจารย์ต้องเข้ามาทางลำลองด้านทิศใต้(ซึ่งขณะนี้ยังมีป้ายเขียนว่า “ค่ายสำรวจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ปักไว้ให้เห็นอยู่) สิ่งก่อสร้างเช่น วิทยาลัยสารพัดช่าง ค่ายลูกเสือ และมหาวิทยาลัยราชมงคลลานนา วิทยาเขตจอมทองฯยังไม่มี  มีแต่เพียงอ่างเก็บน้ำชลประทานขนาดเล็ก ป่าที่เราให้นักศึกษาใช้ฝึกทำการสำรวจยังคงอุดมสมบรูณ์ดี มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ป่าไม้ ป่ารวก และต้นมะขามป้อม ซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาในการใช้อมช่วยบรรเทาการกระหายน้ำได้

ถนนเป็นถนนดินปนทราย+กรวด+หิน จากปากทางถนนขึ้นดอยอินทนนท์จนถึงค่ายสำรวจ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้งานได้ตลอดปี โดยใช้เวลาเดินทางราว 10 ถึง 15 นาที บนเขาเป็นป่าเขียวขจี มีลำธารน้ำผิวดินทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่หลายสายไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งซึ่งมากกว่าไหลลงสู่ลำน้ำแม่กลาง จนถึงต้นและปลายฤดูหนาวในรูปของน้ำผิวดิน แต่ปริมาณลดลงมาก จนเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง(มี.ค. เม.ย. และพ.ค.)จึงจะหมดไป น้ำที่กรมชลประทานมาสร้างอ่างเก็บไว้ ประกอบกับน้ำจากลำเหมือง ฝายเหมืองหลวงมีส่วนช่วยให้ชาวบ้านได้ปลูกถั่วเหลืองและกระเทียม ได้ผลดีหลังฤดูการทำนาข้าวทุกปี

การเข้าค่ายสำรวจถาวรฯ เป็นครั้งแรก

เราพานักศึกษารหัส186...จำนวนประมาณ 90 คน มาเข้าค่ายสำรวจ หมู่บ้านอีรางเป็นครั้งแรก ระหว่างเดือนก.ย. ถึง ต.ค. ปีพ.ศ.2520 ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมต้น       เป็นเวลา 14 วัน

อาจารย์ที่มาเข้าค่ายในชุดแรกนี้ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิด ประกอบด้วย อ.ปราโมทย์,  อ.โกมล, อ.คำนึง, อ.เดชาวุธ, อ.เทอดศักดิ์(ศิษย์เก่ารุ่น GEAR 1), อ.ลำดวน, อ.สุเทพ และผู้เขียน รวม 8 คน ทำงานเกี่ยวกับ Topographic Mapของภูเขา ซึ่งเป็นงานที่มากและยากที่เดียว

ขณะนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ คณะวิศวฯมช.ต้องนำเอาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดกลางมาปั่นไฟใช้เอง(ช่วงเช้าประมาณ05.00 น จนถึง 08.00 น และช่วงค่ำประมาณ 18.00 น จนถึง 22.00 น)ทุกวัน พร้อมทั้งนำเครื่องสูบน้ำเข้ามาสูบน้ำจากลำเหมือง(แต่ต้องเสียค่าน้ำในรูปเหมาจ่าย ซึ่งไม่มากนัก) ขึ้นถังสูงติดบ้านพักอาจารย์ แล้วจึงจ่ายไปใช้งานในส่วนต่างๆ

ครูปฏิบัติการ 2 คน ได้แก่ ครูประทีป วัณวิโรจน์ และครูรักษา บุณโยทยาน(ที่มาแทนครูอับดุลมาลิก บูรณา ซึ่งถึงแก่กรรมไป) กับนักการภารโรง 1 คน

ส่วนเจ้าหน้าที่ธุรการได้แก่ คุณจันทร์นวล สาระพันธ์

ครัวที่มาทำอาหารให้รับประทาน มาจากครัวโรงอาหารของคณะวิศวฯมช.

ตารางการทำงาน

ภายใต้การดำเนินการและควบคุมของอ.โกมล และอ.ปราโมทย์ ร่วมกันแงนักศึกษาทั้งหมดออกเป็น 8 Partyต่ออาจารย์ผู้ควบคุม 8 คน เราต้องทำงานนี้โดยไม่มีแผนที่คราวๆ หรือรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับพื้นที่ๆจะทำการสำรวจเลย นับเป็นงานในระดับProfessionalจริงๆ

งานขั้นแรกคือ การพาPartyงานของนักศึกษาทำการสำรวจภูมิประเทศคร่าวๆและตอกหมุดหลัก เพื่อเป็นทั้ง Horizontal Controlsและ Vertical Controlsคือหมุด A,B,C,D,F,GและHประมาณ 8 จุด นับตั้งแต่ทางเข้าพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำ เข้าไปในพื้นที่ป่าเขา จนถึงบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านอีรางในปัจจุบัน แต่ละPartyจะต้องมีหมุดหลัก 4 จุดสำหรับพื้นที่ด้านใน และมีหมุดหลัก 2 จุดสำหรับพื้นที่ด้านนอก ส่วนหมุดที่เหลือของวงรอบ(±20 จุดโดยประมาณ) นักศึกษาแต่ละPartyจะเลือกกันเอง โดยความเห็นชอบของอาจารย์ผู้ควบคุม งานเบื้องต้นนี้เรียกว่า การสำรวจเบื้องต้น(Reconnaissance Survey) ซึ่งนักศึกษาจะต้องทำให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาในการทำงานภายหลัง

วันรุ่งขึ้น และวันต่อมาของการทำงาน ประกอบด้วย :

  • 06.00น – นักศึกษาทุกคนจะต้องตื่นนอน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว และเตรียมสัมภาระที่จำเป็นในการทำงานให้พร้อม (เช่น หมวกปีกใหญ่ เสื้อแขนยาว แกลลอนใส่น้ำดื่มขนาดความจุ 5 ลิตร อย่างน้อยPartyละ 1 ใบ)
  • 07.00น-07.30น – รับประทานอาหารเช้าที่โรงอาหารพร้อมกับเติมพลังให้เต็มที่ เตรียมอาหารกลางวัน(ซึ่งเป็นอาหารแห้ง)ไปคนละห่อ
  • 07.30น-08.00น – เขียนใบเบิก และเบิกเครื่องมือที่ใช้งานจำเป็นในแต่ละวันหอบกันพะรุงพะรัง เพราะถ้าลืมเบิกหรือเบิกผิดจะไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาเบิกใหม่ในวันนั้น แต่จะต้องมาเบิกเอาในวันรุ่งขึ้น
  • 12.00น-13.00น – พักทานอาหารเที่ยง นอนเล่นตามอัธยาศัย แต่ถึงเวลาจะต้องออกทำงานตามกำหนด
  • 16.30น-17.00น – เดินทางกลับที่พัก ส่งเครื่องมือคืน เล่นกีฬา เช่น      เตะตะกร้อ หรือฟุตบอลสนามเล็ก ตามอัธยาศัย เสร็จแล้วอาบน้ำ แต่งตัว
  • 19.00น-19.30น – รับประทานอาหารเย็น นักศึกษาส่วนนักศึกษา และอาจารย์ส่วนอาจารย์ เสร็จแล้วเขียนใบเบิกเครื่องมือในวันรุ่งขึ้น โดยเสียบไว้ให้ครูฯดำเนินงานต่อไป
  • 20.00น – ประชุมรวมนักศึกษาและอาจารย์ โดยอาจารย์เจ้าของวิชา และ/หรืออาจารย์เจ้าของค่ายฯ เพื่อดูงานของนักศึกษาที่ทำได้ในแต่ละวัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรนักศึกษาจะต้องช่วยกันทำงานOffice Workต่อจนถึงไฟฟ้าดับ(22.00น) แต่ถ้างานมาก ดังเช่นการทาบวงรอบของแต่ละParty หรือการทาบTopographic Mapของแต่ละParty เพื่อที่จะได้ Topographic Map ของพื้นที่โดยรวมที่ถูกต้องและเรียบร้อย การทำงานช่วยOvertime(22.00-24.00น) จะใช้แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันก๊าด(เรียกว่า “ตะเกียงรั้ว”) หรือเทียนไขที่ค่ายจัดเตรียมไว้ให้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มาม่า ขนม        โอเลี้ยง และน้ำอัดลมของผู้ทำอาหารให้เราทานจะขายดีมาก
  • 05.00น – ทุกคนในค่ายตื่นหมด เนื่องจากแสงสว่าง และเสียงดัง(มาก)จากเครื่องทำไฟและเครื่องสูบน้ำพร้อมๆกัน

ตารางการทำงานของนักศึกษาจะเป็นเช่นดังกล่าวทุกวัน ยกเว้นประมาณวันที่ 7 เป็นวันหยุดงานและพักผ่อน 1 วัน นักศึกษาจะเข้ามาในเมือง เที่ยวป่า เที่ยวน้ำตกก็ได้ ตามอัธยาศัย แต่จะต้องกลับมาให้ทันเช็คชื่อก่อน 18.00น ของวันรุ่งขึ้น

ระเบียบปฏิบัติ และข้อห้ามของนักศึกษาที่มาเข้าค่ายสำรวจทุกคน

  1. นักศึกษาจะต้องอยู่ในระเบียบวินัยที่เหมาะที่ควร และยึดถือปฏิบัติตาม       คำขวัญ SOTUSโดยเคร่งครัด
  2. ห้ามไปมีเรื่อง หรือสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้าน เจ้าของถิ่น
  3. ห้ามดื่มสุราโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีไม่งามตามมาในภายหลัง
  4. ห้ามลักขโมยสิ่งของ หรือทรัพย์สินเงินทองใดๆ
  5. ห้ามเล่นการพนันที่รุนแรง แต่เล็กๆน้อยๆไม่ว่ากัน พออนุโลมให้ได้
  6. ห้ามหนีออกจากค่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต
  7. ห้ามทำเสียงดังรบกวนความสงบสุขของผู้อื่น

นักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระเบียบวินัย และไม่ปฏิบัติตนฝ่าฝืนเป็นอย่างดี ยกเว้นนักศึกษากลุ่มหนึ่งประมาณ 5-6 คน ที่อยากลองของ ทำผิดตามข้อห้ามที่ 3 และถูกจับได้โดยถูกลงโทษสถานเบาด้วยการตักเตือน พร้อมทั้งเข้าค่ายแรงงานโยธาในการซ่อมสะพานและถนนบางจุดในพื้นที่เป็นเวลา 2-3 วัน จนกว่างานจะเสร็จภายใต้การควบคุมของอ.เดชาวุธ และอ.เทอดศักดิ์ การปฏิบัติการ “เชือดคอไก่ให้ลิงดู”ให้ผลดีมาก นอกจากการกลับเนื้อกลับตัวของนักศึกษากลุ่มนั้นแล้ว ยังไม่มีใครกล้าทำผิดตามข้อห้ามต่างๆอีกเลย