กรณีการศึกษาอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความสูง 5 ชั้นซึ่งเป็นอาคารแบบผสมระหว่างคอนกรีตกับเหล็กรูปพรรณ โดยสมมุติโมเดลออกเป็น 2แบบ คือโมเดลที่มีจุดฐานรองรับแบบจุดยึดหมุน (Pin Support) และโมเดลจุดฐานรองรับแบบสปริง (Spring Support) ซึ่งได้มาจากการสำรวจชั้นดินในบริเวณที่ตั้งอาคาร จากนั้นก็นำแบบโมเดลของอาคารไปวิเคราะห์ในการรับแรงแผ่นดินไหวตามกฎกระทรวงฯ ฉบับปี พ.ศ. 2550 และแรงลมตาม UBC-1994โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ไฟไนต์เอลิเมนต์ ผลปรากฎว่า ในรูปแบบที่เป็น Pin Support นั้นอาคารมีความเสียหายในด้านกำลังของชิ้นส่วนทั้งหมด 127 ชิ้น จากทั้งหมด 785 ชั้น คิดเป็น 16.18% ในรูปแบบที่เป็น Spring Support นั้นอาคารมีความเสียหายทั้งหมด 166 ชิ้น จากทั้งหมด 785 ชิ้น คิดเป็น 21.15% มีความแตกต่างกันโดยที่แบบ Spring Support มีความเสียหายมากกว่า Pin Support อยู่ 4.97%ส่วนในการวิเคราะห์ในเรื่องของการเคลื่อนตัวด้านข้างสัมพัทธ์นั้นพบว่าแบบ Pin Support นั้น มีค่าการเคลื่อนตัวด้านข้างสัมพัทธ์ในกรณี EQX และ EQY ผ่านทั้งหมด และแบบ Spring Support ในกรณี EQZ และ EQY ผ่านทั้งหมด ยกเว้นกรณี EQX ในชั้นที่ 4ที่การเคลื่อนตัวด้านข้างสัมพัทธ์ไม่ผ่าน และได้วิเคราะห์เป็นแบบแรงรวม (Envelope) โดยโมเดลแบบ Pin Support มีการเคลื่อนตัวด้านข้างสัมพัทธ์ที่ไม่ผ่านคิดเป็น 34.38% และโมเดลแบบ Spring Support มีการเคลื่อนตัวด้านข้างสัมพัทธ์ที่ไม่ผ่านคิดเป็น 75% แตกต่างกัน 40.62%และผลของการวิเคราะห์ในด้านพลศาสตร์นั้น พบว่า คาบการสั่นใน Mode ที่ 1แบบ Pin Support มีคาบการสั่นอยู่ที่ 1.549298วินาทีSpring Support มีคาบการสั่นอยู่ที่ 1.671195วินาที แตกต่างกัน 7.29% โดยที่ผลดังกล่าว จากการคำนวณตามกฎกระทรวงฯ ฉบับปี พ.ศ. 2550 มีคาบการสั่นเท่ากับ 1.02 วินาที ในกรณี EQX และ 0.62 วินาที ในกรณี EQY มีค่าที่ต่างกันอยู่ 41.94%และ 67.74% ตามลำดับ